งบประมาณขาดทุนที่ขึ้นของประเทศรัสเซียและความขาดแคลนแรงงานที่รุนแรงในปีนี้ส่งผลให้เกิดการกดดันในการเพิ่มภาวะเงินเฟ้อ แต่การลดลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นี้ที่ระดับ 70 และในวันจันทร์ผ่านมาใกล้เคียง 100 นั้นเป็นผลที่เสี่ยงราคาของรูเบิลลง ธนาคารกลางเข้าใจว่าการตกค่าเงินบาทเป็นผลที่มาจากการลดส่วนเกิน: บัญชีทำธุรกรรมทางเงินตราของประเทศรัสเซียในช่วงมกราคมถึงกรกฎาคมลดลงอย่างสูงถึง 85% ในค่าเปรียบเทียบต่อรายปี ธนาคารกลางได้พยายามจะควบคุมการตกค่าเงินบาทก่อนหน้านี้แล้ว โดยเพื่อลดความผันผวน กระทรวงการคลังเลยหยุดทำการซื้อเงินตราต่างประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว และสิ้นสุดที่จะมีการใช้กฎการควบคุมการเงินของรัสเซีย หลังจากที่เงินดอลลาร์พุ่งลงมาถึงระดับ 102 รูเบิลต่อดอลลาร์ในวันจันทร์จากผลกระทบของการบังคับใช้วงเงินต่อทางการค้าของสหรัฐฯ ต่อผลตอบแทนการสูญเสียจากการเพิ่มค่าใช้จ่ายทางทหาร ธนาคารกลางตัดสินใจที่จะประชุมนอกกำหนดเวลาเพื่อองค์ความรุนแรงของรูเบิล เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวตนในความรัดเยียวทางการเงิน ธนาคารกลางของรัสเซียเพิ่มอัตราดอกเบี้ยกู้สินทรัพย์หลักจาก 8.50% ถึง 12% ซึ่งเท่ากับการเพิ่มขึ้น 350 บาทอัตราฐาน การตัดสินใจที่เป็นนี้เกิดความผันผวนสูงสุดในคู่สกุลเงิน USD/RUB โดยราคาลงมาถึง 95 ในชั่วโมงหนึ่ง แต่สิ้นสุดวันราคากลับมาที่ 98.
นอกจากนี้ราคาเงินเพิ่มเติมมีผลจากความคิดเห็นของรัฐบาลที่ได้ทำการประกาศในวันจันทร์โดยที่ที่ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดี พลเอก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วชิราลงกรณ แถลงว่าธนาคารกลางย่อยค่าเงินบาทและมีนโยบายเงินที่เป็นมิตรเกินไป และถึงแม้ว่าชั่วพสุจน์หลังจากเวลาอันสั้นหลังจากคำพูดของ ท่านตัวบรรดาศักดิ์กุณาบดีนี้
ในคำชี้แจงของตนธนาคารกลางได้สารภาพกล่าวว่าความกดดันทางเงินเพิ่มสูงขึ้น และมีการย้ายการเสื่อมค่าของเงินบาทไปที่ราคาสินค้า
รู้อย่างแน่ชัดว่าการเพิ่มค่าเงินไม่ได้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหลัก น่าเสียดายที่ขั้นตอนนี้จะไม่ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบในระยะยาวเท่าที่ค้นหาเห็นด้วย แต่เพียงแค่ชะลออัตราการเสื่อมค่าของเงินบาทด้วยอัตราการเติบโตต่ำกว่า ภาวะที่ปรากฏตอนนี้คือระยะเวลาใด ๆ และในขณะที่ประเทศยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน บาทย่อมเสียความแข็งแรงอย่างไม่ต่างจากนี้