คู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและดอลลาร์แคนาดา (USD / CAD) ได้ซื้อขายที่ระดับสูงสุดในรอบปี ขณะที่แนวโน้มต่อการเติบโตของราคาก็ยังไม่หายไปไหน สำหรับชาร์ตรายเดือนของคู่สกุลเงินได้แสดงให้ทราบว่า เงินดอลลาร์แคนาดาสามารถปรับตัวลงไปอยู่ในราคาระดับที่ 37 นั้นก็คือใน 1.3735 จุด ที่แนวเส้น Bollinger อยู่
เงินดอลลาร์แคนาดาได้ถูกรัดกุมมากขึ้น ในอีกด้านหนึ่งก็พบว่า มีความกังวลของตลาดน้ำมันเกิดขึ้น โดยกำลังรอผลการประชุมของทางโอเปคออกมา และในทางกลับกันนาย Trump ผู้ที่ไม่สามารถถอนตัวออกจาก NAFTA ได้ แต่ก็ยังได้ออกภาษีใหม่ๆออกมา ในการนำเข้ารถยนต์ เพื่อ "ให้โล่งอก " กันบ้าง "ทางเรากำลังพิจารณาตัวเลือกสำหรับการใช้งานภาษีสำหรับรถยนต์ที่เข้ามาอย่างมากในตลาดสหรัฐอเมริกา" นี้คือสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ระบุไว้ในทวิตเตอร์ของเขาในการประชุม G7 และถ้าก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ รถยนต์จากสหภาพยุโรปเท่านั้น (นั่นคือแรงผลักดันที่กระทบต่อประเทศเยอรมนี) แต่ในตอนนี้มันกำลังมีการพูดถึงถึงทางเลือกในการกำหนดภาษีเกี่ยวกับรถยนต์นำเข้าทั้งหมด
ตามที่มีข้อสรุปในข้อตกลงรถยนต์ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกาในปี 1965 ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นส่วนของ สัญญา NAFTA ตามที่ประเทศเหล่านี้ได้ยกเลิกภาษีเกี่ยวกับรถยนต์, รถบรรทุก, รถประจำทางและอะไหล่ ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมรถยนต์ของส่วนใหญ่ของประเทศแคนาดาประกอบไปด้วย โรงงานประกอบรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ (Honda, General Motors, Toyota, Chrysler และอื่น ๆ ) ประเทศแคนาดาได้ส่งออก ไปยังสหรัฐอเมริกามากกว่า 70% ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ โดยคิดเป็นประมาณ 50 พันล้านเหรียญ ดังนั้นแล้วแนวโน้มที่นาย Trump ที่จะใข้งานภาษีการนำเข้าที่ได้ส่งผลกระทบต่อเทรดเดอร์ของคู่สกุลเงินอย่างมาก ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์บางคนได้กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ส่วน "ผลกระทบของคลื่น" ตามความเห็นของพวกเขาแล้ว นั้นเต็มไปด้วยภาวะถดถอย
เป็นการเหมาะที่จะกล่าวถึงช่วง หลังจากการก่อตั้งกลุ่ม G7 ไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำของประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา ก็ได้เสื่อมลงอย่างมากเมื่อเทียบกับแนงโน้มที่ผ่านมาของการโจมตีซึ่งกันและกัน และแม้กระทั่งข้อกล่าวหาต่างๆที่ตามมา ดังนั้นแล้วจึงมีความน่าจะเป็นของการยุติถึงข้อขัดแย้งทางการค้าที่มาจากการติดต่อส่วนบุคคลที่ค่อนข้างน้อย
นอกจากปัญหาของข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ยังไม่ได้รับการแก้ไข ในรอบเดือนสิงหาคมของปีนี้ ก็จะเริ่มต้นขึ้น เมื่อหลายฝ่าย พยายามปรับโครงสร้างข้อตกลง และในตอนนี้ สถานการณ์ไม่สามารถออกจากจุดตายได้ ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา คุณ Chrystia Freeland ได้ออกมากล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การเจรจายังคงดำเนินต่อไป และฝ่ายต่างๆก็พร้อมที่จะดำเนินการตามข้อตกลงใหม่อีกด้วย "ตลอดจนถึงฤดูร้อน" แม้ว่าก่อนหน้านี้ ในหลายประเทศที่วางแผนเสร็จสิ้นไปแล้ว ในส่วนของกระบวนการเจรจาในรอบเดือนพฤษภาคม ก่อนหน้าที่จะอยู่ในช่วงก่อนการเลือกตั้งในปรเทศเม็กซิโก โดยอยู่ในวันที่ 1 เดือน กรกฎาคม ดังนั้นแล้วพวกเขาจะได้เลือกประธานาธิบดีของประเทศ
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่การเจรจาได้หยุดชะงักลงไป และเป็นเหตุให้ความเป็นไปได้ในการถอนตัวออกของสหรัฐอเมริกา จากสัญญา NAFTA ยังค่อนข้างสูงอยู่ ในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นาย Donald Trump ได้ออกมากำหนดแนวทางของเขา โดยที่เขาได้เสนอที่จะยังไม่สรุปข้อตกลงแบบไตรภาคี แต่ในข้อตกลงอื่นๆอีกสองส่วนนั้น ทางสหรัฐอเมริกากับ ประเทศแคนาดา พร้อมกันกับสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโก แต่ทางด้านนายกรัฐมนตรีประเทศแคนาดา Justin Trudeau ออกมาปฏิเสธความคิดนี้ หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ นาย Trump ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในการประชุม G-7 และในความเป็นจริงแล้วสถานการณ์ก็ยังไม่คลี่คลายอะไรออกมา
แนวโน้มพื้นฐานนั้นได้ก่อให้เกิดความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้น สำหรับธนาคารแห่งประเทศแคนาดา ส่วนตัวบ่งชี้ของเศรษฐกิจโดยรวมก็แสดงผลดีออกมา แม้ว่าตัวบ่งชี้การเติบโตของยอด GDP ก็ชะลอตัวเล็กน้อย (+ 0.3%) แต่ในเวลาเดียวกัน ดัชนีชี้วัดพื้นฐานของอัตราเงินเฟ้อได้อยู่ใกล้กับระดับเป้าหมายที่ 2 เปอร์เซ็นต์, การว่างงานอยู่ในระดับที่ยังยอมรับได้ (5.8%) และระดับเงินเดือนแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในเชิงบวก นั่นเป็นเหตุผลที่หน่วยงานผู้กำกับดูแลของประเทศแคนาดา ได้ใช้จุดยืนแบบ "การควบคุมเศรษฐกิจ" ในเดือนพฤษภาคม โดยบอกว่าอัตราการเติบโตของดอกเบี้ยจะมีการพิจารณา อย่างไรก็ตามในที่ประชุมเดียวกัน ทาง CBA ของปรเทศแคนาดา ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงปัจจัยอื่น ในการแถลงการณ์ได้ระบุว่า "ความไม่แน่นอนในด้านนโยบายการค้า ได้ส่งผลเสียต่อการลงทุน" นอกจากนี้แล้ว คุณ Stephen Poloz ยังเน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสัญญา NAFTA ในส่วนของแนวโน้มอื่นของนโยบายการเงิน
การแยกตัวกันในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดาได้ทำให้ คู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและดอลลาร์แคนาดา (USD / CAD) ปรับตัวขึ้น แม้ว่าความตั้งใจของ "การควบคุมเศรษฐกิจ" ของประเทศแคนาดา และการเติบโตของตัวบ่งชี้ทางเศราฐกิจมหภาคหลัก มีความเป็นไปได้ที่การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นในเดือนกรกฎาคมจะลดลงไปอย่างมาก หลังจากผลการประชุมของ G7 และเป้าหมายที่ยังคลุมเครืออยู่ของ NAFTA
ในตอนนี้ แรงกระตุ้นในขาขึ้นของคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและดอลลาร์แคนาดา (USD / CAD) ได้อ่อนตัวลงมา โดยมีส่วนที่รอผลการประชุมที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ออกมา ในส่วนของการประชุมของเทรดเดอร์และ โอเปค และในขณะนี้ ก็มีการเจรจาอย่างมากเกิดขึ้นมา เพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมันภายในขอบเขตข้อตกลงในด้านข้อจำกัดการผลิต อ้างอิงข้อมูลตามที่ตัวแทนของประเทศซาอุดิอาระเบียไดเระบุถึง ตัวบ่งชี้ควรเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ประเทศรัสเซียขอเสนอให้เพิ่มการผลิตขึ้นมาถึง 0.8-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่บางประเทศเริ่มต้นที่จะต่อต้านความคิดเห็นนี้ แต่การเจรจายังดำเนินต่อไปและมีผลบางอย่างเกิดขึ้นอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น ประเทศอิหร่านได้รับปากว่าจะไม่ยับยั้งการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องของของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน แม้ว่าตามข้อเท็จจริงที่ว่า แผนการก็ยังคงเป็นการรักษาสิ่งที่มีอยู่ และผลลัพธ์ของการประชุมที่พวกเราได้ทราบกันในวันเสาร์ นอกจากนั้นแล้ว ราคาน้ำมันอยู่ภายใต้แรงกดดัน และบาร์เรลของน้ำมันดิบเบรนท์ ก้มีการซื้อขายภายในระดับที่ 73 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ลดลง
ถ้าหากผลของการประชุมของโอเปก นั้นสร้างตวามผิดหวังกับเทรดเดอร์น้ำมันและอย่างนั้น "น้ำมัน" ก็อาจจะมีมูลค่าลดลงไปอีกครั้ง ในส่วนของแนวโน้มขาขึ้นของคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและดอลลาร์แคนาดา (USD / CAD) อาจได้มีความต่อเนื่องเกิดขึ้น ดังนั้นแล้วเป้าหมายหลักก็คือ 1.3735 แม้ว่าจะบรรลุระดับนี้ออกไป แต่แนวโน้มขาขึ้นของคู่สกุลเงินนี้ ก็จำเป็นต้องข้ามผ่านแนวต้านหลักของระดับ 1.3500 ไปได้ มันอาจจะเกิดขึ้นถ้าหากในกรณีที่ ตลาดน้ำมันยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน และนาย Trump ก็ได้ตัดสินใจที่จะออกจากกลุ่ม NAFTA หรือได้นำเสนอภาษีใหม่ที่เกี่ยวกับรถยนต์นำเข้า จึงอาจจะเป็นผลทำให้ ธนาคารแห่งประเทศแคนาดาต้องรอดูท่าที เกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อไป กระตุ้นระดับของราคาต่อไปของคู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและดอลลาร์แคนาดา (USD / CAD)