logo

FX.co ★ เงินดอลลาร์อาจจะมีการปรับตัวขึ้นไปใหม่

เงินดอลลาร์อาจจะมีการปรับตัวขึ้นไปใหม่

การรายงานจากตลาดแรงงานของสหรัฐอเมริกาในเดือนเมษายน ที่นำเสนอออกมาในวันศุกร์ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับทางตลาด ที่เกิดมาจากการเบี่ยงเบนอย่างมากไปจากการคาดการณ์

จำนวนการจ้างงานได้เพิ่มขึ้นมาถึง 164,000 คน ซึง่น้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ สำหรับอัตราการว่างงานก็ลดระดับลงไปจาก 4.1% จนถึง 3.9% และนี้ยังเป็นการปรับตัวลดระดับลงมาในรอบมากกว่า 17 ปี ในเวลาเดียวกัน ระดับค่าจ้างก็ลดระดับลงไป ทางด้านผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาคาดการณ์ว่าจะอยู่ใน +0.2% และก็อาจจะเพิ่มขึ้นมาในอัตรารายปีที่ 2.7% ดังนั้นแล้ว ระดับการเติบโตอยู่ใน+0.1% และ 2.6% ตามลำดับ ซึ่งยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เงินดอลลาร์อาจจะมีการปรับตัวขึ้นไปใหม่

ระดับค่าจ้างที่น้อยได้ก่อให้เกิดความสงสัยต่อการปรับระดับเงินเฟ้อ ในส่วนของการประชุมในวันพุธของผู้กำหนดนโยบายทางการเงินจะเกิดขึ้นมา โดนทางเจ้าหน้าที่ของ FOMC ได้ออกมาเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ต่อเงินเฟ้อไป เพื่อให้ลดระดับลงมามากกว่าเดิม

แล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรกันละ? การาเติบโตอย่างมากในส่วนอของอัตราผลตอบแทน ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของดัชนีเงินดอลลาร์ ซึ่งอยู่ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบันที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของทั้งทางเฟด หรือกระทรวงการคลัง สำหรับการคาดการณ์ต่อเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในเชิงบวกจนถึงวันศุกร์ และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 5 ปี เองก็มีการขยับตัวขึ้นไปในระดับที่สอดคล้องกับช่วงเดือนสิงหาคมปี 2014 ดังนั้นแล้ว การเติบโตของเงินดอลลาร์นั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แม้ว่าระดับค่าจ้างที่ต่ำก็ไม่ได้ช่วยให้ออกห่างจากการปรับตัวในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้

ในวันศุกร์ พบว่า จะมีการเจรจาระหว่างสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน เกี่ยวกับการค้า ตามความเป็นจริงแล้ว พวกเขาอาจจะยังหาข้อยุติไมไ่ด้ แม้ว่า จะมีรายการของสิ่งจำเป็นมาจากประเทศจีนรวมไปในนั้น และสิ่งอื่นๆอีกด้วย ส่วนการปฏิเสธโครงการเงินอุดหนุนในเทคโนโลยีขั้นสูงในสภาคองเกรสที่ผ่านมาของ CCP ได้ลดระดับภาษีไปในระดับที่เหมาะสมกับทางสหรัฐอเมริกา และยังช่วยให้เกิดการรับประกันขึ้นมาอีกว่า ประเทศจีนจะไม่ออกมาตอบโต้ต่อปัญหาทั้งหมดในส่วนของ ทรัพย์สินทางปัญญา สำหรับความต้องการนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจำเป็นต้องให้ประเทศจีนทำการดำเนินการวางแผนใหม่เพื่อการพัฒนาประเทศ

ดังนั้นแล้ว ภัยที่จะเกิดขึ้นต่อสงครามทางการค้าแบบเต็มรูปแบบนั้น ยังไม่ได้ยุติลงไป และดูเหมือนว่าอาจจะเกิดขึ้นได้จริง นั้นจึงหมายความว่า ดัชนีโดยรวมของความตึงเครียดในเศรษฐกิจระดับโลก ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันที่อาจจะส่งผลให้เห็นจาก อุปสงค์ต่อสินทรัพย์ปลอดภัย รวมทั้งเงินดอลลาร์

การกีดกันทางการค้าของนาย Trump ดูเหมือนว่าจะเป็น "จุดเริ่มต้น" ในการปรับปรุงเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังมีข้อสงสัยในประเด็นนี้อยู่ก็คือ มีการสำรวจจากทางธนาคารกลางแห่งเซนต์หลุยส์ ที่มาพร้อมกับข้อสรุปที่ว่า การเพิ่มขึ้นของภาษีอาจจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม ในช่วงปี 1980-2006 นั้นมีการพบถึง 16 ส่วนเมื่อภาษีมีการเพิ่มขึ้นไปอย่างน้อย 3.5% และผลลัพธ์ที่ได้ละมันชี้ให้เห็นถึงอะไร?

อย่างแรก ปริมาณของการนำเข้าได้ลดระดับลงไป สำหรับอัตราส่วนการนำเข้าต่อยอด GDP ในช่วง 4 ปีแรก หลังจากที่มีการเพิ่มภาษีขึ้นมา ก็ได้ลดระดับเฉลี่ยลงไปถึง 2.5% ต่อปี

และอย่างที่สองก็คือ ในช่วงแรกของปี ยอด GDP ต่อหัว ได้ลดระดับลงมา ส่วนปริมาณของการลงทุนต่อยอด GDP เองก็อยู่ในแนวโน้มขาลง และที่สำคัญกว่านั้นก็มาจากในส่วนของรายได้ต่อเดือนอีกด้วย

เงินดอลลาร์อาจจะมีการปรับตัวขึ้นไปใหม่

ต่อจากนั้น การเพิ่มภาษีขึ้นมามักจะตามมาด้วย การปรับตัวลงไปในระยะยาวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แน่นอนว่าทางด้านทีมงานของนาย Trump ก็ได้คุ้นเคยกับหลักการเช่นนี้แล้ว ดังนั้น กิจกรรมในส่วนนี้ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อการปรับอัตรภาษีขึ้นมา แต่ยังเป็นการฟื้นฟูจากการขาดทุนจากการค้ากับหุ้นส่วนทางการค้า

มันเป็นหน้าที่ที่ได้ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้าจะได้รับการเลือก ที่ได้จัดขึ้นมาพร้อมกับการแถลงการณ์ในปักกิ่ง และมันยังเป็นหน้าที่ ที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาไปได้ โดยรวมแล้ว การรักษาระดับของการขาดทุนอาจจะอยู่ใรูปแบบของดูแลการเติบโตด้านหนี้สินของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ดังนั้นแล้ว ฝ่ายบริหารของนาย Trump เองก็ยังไม่มีตัวเลือกอะไรมากมาย แต่เพียงแค่ปิดตาลงไป และปล่อยให้เกิดการขาดดุลในงบประมาณต่อไป สำหรับการเป็นพันธมิตรกับNATO นั้น พวกเขาต้องการให้มีการเพิ่มงบประมาณด้านกองกำลังทหาร และอาจจะส่งผลต่อ การเกิดอุตสาหกรรมด้านสงครามกับกองกำลังทหารในหสรัฐอเมริกา ต่อประเทสจีน นอกจากจะมีการดูแลสิ่งสำคัญหลายอย่างแล้ว รวมทั้งการเพิ่มระดับการซื้อพันธบัตรนั้นเอง

คำถามที่ย้อนกลับมา ก็คือทางด้านประเทศจีน เกี่ยวกับ อะไรคือผลกำไร? แล้วมีคำอธิบายมาจากทางสหรัฐอเมริกาหรือไม่? แต่ก็ยังไม่มีคำตอบออกมาจากคำถามเหล่านี้ เนื่องจากยังไม่มีกระบวนการในการต่อรองเกิดขึ้นมา

เงินดอลลาร์ได้จบตัวในรอบสัปดาห์ด้วยการเติบโต และก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม ดังนั้นพวกเราอาจจะคาดการณ์ถึง การปรับตัวขึ้นมาของอัตราผลตอบแทนในพันธบัตร ส่วนเงินดอลลาร์เองก็ยังอยู่ในขาขึ้น แม้ว่าทั้ง เงินเยน หรือทองคำ ก็ไม่อาจจะทัดเทียมได้

*การวิเคราะห์ตลาดตามนี้จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับคุณ แต่ไม่ได้เป็นการชี้แนะแนวทางในการซื้อขาย T
ไปที่หน้ารวมบทความ ไปที่บทความของผู้เขียน เปิดบัญชีเทรด