การลดระดับลงมาของความตึงเครียดทางการเมือง ในประเทศเกาหลีเหนือ, ผลกระทบที่กำลังตามมาของวิกฤติทางการเมืองของประเทศอิตาลี, การเติบโตของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐที่เร็วที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา และความเป็นไปได้ต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยตามนโยบายของทางธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ในปี 2018 ถึง 4 ครั้งก็ได้สร้างแรงกดดันต่อทองเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วโลหะมีค่าก็ได้มาถึงขีดจำกัดในระดับต่ำ ของระดับการรวมกำลังที่อยู่ใน 1.292-1.308 เหรียญต่อออนซ์ และในกรณีของความเสี่ยงที่เกิดจากการพัฒนาการเคลื่อนไหวต่อแนวโน้มระยะยาวที่เพิ่มขึ้น โดยส่วนมากแล้วมันจะขึ้นอยู่กับอัตราการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบ ของพันธบัตรรัฐบาลและเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทองคำได้ถูกมองมาแต่ดั่งดิมแล้วว่า เป็นเครื่องมือในการป้องกันเงินเฟ้อ แต่จะกล่าวได้ว่าการเติบโตของยอดดัชนีราคาผู้บริโภคที่ไม่ซ้ำกันนั้น เป็นปัจจัย"ขาขึ้น" สำหรับทองคำ ราวกับว่าเป็นการชะลอตัวของราคาผู้บริโภคที่จะเพิ่มกำลังการซื้อของสกุลเงิน และช่วยเสริมสร้างกำลังของอัตราดอกเบี้ย ตามความเป็นจริงแล้ว ทั้งหมดนี้จะต้องเห็นได้ในระดับของการดำเนินของธนาคารกลาง ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาของเดือนพฤษภาคมได้ พุ่งขึ้นไปแตะถึง 2.8% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.2% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา ทางด้านธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาเองก็ยังไม่ต้องดำเนินการใดๆ แต่อาจจะกระชับนโยบายการเงิน ขณะที่การว่างงานได้อยู่ในระดับต่ำสุดในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา (3.8%) และยอด GDP ตามการคาดการณ์ของธนาคารกลางแห่งแอตแลนต้า ได้ปรับตัวขึ้นไปถึง 4.6%ในไตรมาสที่สอง
อัตราการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อของอเมริกา
ในสภาวะดังกล่าว นักลงทุนก็อาจจะละทิ้งพันธบัตร และหันไปหาสินทรัพย์อื่นๆแทนที่ โดยจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทน ที่มีส่วนทำให้เกิดการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในตลาดตราสารหนี้ จะทำให้ทองคำตอบสนองต่อการเร่งรัดในอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นแล้วด้วยแนวโน้มดังกล่าวที่เกิดขึ้นในทั่วโลก ซึ่งจะทำให้โลหะมีค่าอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก
อัตราการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของราคาผู้บริโภค น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น ในเดือนพฤษภาคม ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้เพิ่มขึ้นมามากกว่า 11% เนื่องจากมีการเติบโตขึ้นมาของราคาน้ำมันจากเบรนท์ และ WTI ในตอนนี้ น้ำมันได้อยู่ในการควบคุมดูแล และหากทางเฟดกำลังเร่งรีบต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็อาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจขึ้นมาได้ สำหรับอัตราเงินเฟ้อที่จะลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย และทางเฟดจะต้องคำนึงถึง การผ่อนคลายนโยบายการเงินและนโยบายด้านเครดิต ในการป้องกันปัญหานี้ธนาคารกลางจำเป็นต้องถ่วงเวลาไว้ และมันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เกี่ยวกับความสามารถในการอดทนต่อธรรมชาติของเงินเฟ้อ ทางด้านนักลงทุนก็มองว่า สัญญาณนี้เป็น "การกระตุ้นทางเศรษฐกิจ" และไม่รีบเร่งที่จะซื้อเงินดอลลาร์ ถ้าหากนาย Jerome Powell ได้ออกมาพูด ในระหว่างการแถลงข่าวหลังจากการประชุมเดือนมิถุนายนของ ผู้กำหนดนโยบายทางการเงิน ถึงเรื่อง การรับมือแล้วความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของสหรัฐอเมริกาที่อาจจะทำให้สูญเสียความสำเร็จไปโดยทั้งหมด ที่เกิดขึ้นหลังจากปรับปรุงการคาดการณ์อัตรา
สำหรับทองคำจะพบได้ว่า มันน่าจะหมายถึงการกลับมารวมตัวครั้งแรกในช่วงการรวมตัวกันที่ 1292-1308 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากออกไปไกลเกินขีดจำกัดในระยะสั้น ในอนาคตแล้วมันอาจเป็นไปได้ที่จะใช้งานในรูปแบบ "false-break" เนื่องจากทางเทคนิคแล้ว "แนวโน้มขาขึ้น" มีโอกาสมากมายในการปรับตัวตามแนวโน้มแรก และรีบเร่งไปตามเป้าหมายที่ 161.8% สำหรับกราฟรูปแบบ "ปู"
ชาร์ตรายวันของทองคำ