ข้อมูลเบื้องต้นที่ออกมา ในครึ่งปีแรกจากเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนี และประเทศฝรั่งเศส ได้ช่วยให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอยู่ในตำแหน่งเดิม และ รายงานยอดการค้าปลีกที่ดีอย่างมาก ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ก็ทำให้เงินปอนด์ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
ในตอนเช้า การรายงานจากหน่วยงานสถิติ ซึ่งแสดงให้เห็นถึง เศรษฐกิจเยอรมันได้ชะลอตัวลงมาเล็กน้อยในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา
อ้างอิงตามการรายงานของข้อมูล พบว่ายอด GDP ของประเทศเยอรมนีในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สี่ของปี 2017 นั้นได้เพิ่มขึ้นมาถึง 0.3% และเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นมาถึง 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีแล้วจะพบได้ว่ายอด GDP ของประเทศเยอรมนีในไตรมาสแรกได้ขยายตัวขึ้นไป 1.2%
การส่งออกของประเทศเยอรมนีลดลงไป 1.0% ในช่วงไตรมาสแรก และการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาถึง 1.1% สำหรับการบริโภคส่วนบุคคลในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นมา 0.4%
เทรดเดอร์ยังไม่เห็นอะไรใหม่ในรายงานตามลำดับที่ออกมา และปฏิกิริยาตลาดก็มีความเหมาะสมอยู่ มันยังได้รับการกล่าวซ้ำ ๆ กันมาว่าเศรษฐกิจของยูโรโซน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2018 ทำให้อัตราการเติบโตลดลงไปอย่างมาก ได้มีการนำมาพิจารณาในการเสนอราคาของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง
อ้างอิงตามข้อมูลที่นำเสนอออกมาของกลุ่มวิจัย GfK พบว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในประเทศเยอรมนีของเดือนมิถุนายนอาจลดลงไป
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศเยอรมนีของเดือนมิถุนายนในปีนี้ ลดลงไป 10.7 จุดจากระดับที่ 10.8 จุด ในเดือนพฤษภาคม ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีเดือนมิถุนายนจะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ระดับความเชื่อมั่นในภาคการผลิตของประเทศฝรั่งเศสยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนพฤษภาคม
อ้างอิงตามข้อมูลการรายงานของหน่วยงานสถิติ ที่พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในภาคการผลิตของเดือนพฤษภาคม ปีนี้อยู่ที่ 109 จุด โดยยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนเมษายน ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีจะลดลงเหลือ 107 จุด
ในวันนี้ มีข้อมูลว่าตามข้อมูลของภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม ตามทำเนียบขาว พบว่ามีการปรับภาษีใหม่ออกมา ที่จะครอบคลุมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์อีกด้วย เป็นที่คาดการณ์กันว่าในอนาคตอันใกล้นี้ การบริหารงานของนาย Donald Trump จะมีการนำเสนอภาษีอากรขาเข้าใหม่จำนวนมากสำหรับรถยนต์ บนพื้นฐานของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ โดยที่ค่าธรรมเนียมอาจเพิ่มเป็น 25%
เงินปอนด์ของประเทศอังกฤษ ได้พุ่งขึ้นจากการรายงานข้อมูล เกี่ยวกับยอดค้าปลีกในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ในเดือนเมษายนของปีนี้ หลังจากที่มีการชะลอตัวเกิดขึ้นอย่างมากในเดือนมีนาคม ท่ามกลางสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย สำหรับรายงานดังกล่าวยังจำเป็นต้องสนับสนุนตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สองอีกด้วย
อ้างอิงจากข้อมูลที่ได้นำเสนออกมาพบว่า ในเดือนเมษายนปี 2018 จากการเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคมได้พบว่า ยอดการค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.6% ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ก็คาดการณ์ว่า ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมแล้ว ยอดค้าปลีกจะเติบโต 0.8%