คำแถลงการณ์ของนาย Donald Trump ที่ระบุว่า "ภารกิจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว" หลังจากที่มีการจู่โจมของกองกำลังทหารกับทางซีเรียเกิดขึ้นมา จากทางสหรัฐอเมริกาและกลุ่มพันธมิตรของพวกเขา ทำให้ "แนวโน้มขาลง" ของเบรนท์ และ WTI ได้มีการเคลื่อนตัวสวนทิศทางเกิดขึ้นมา โดยความขัดแย้งระหว่าง Damascus เองก็ยังไม่ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ และความเสี่ยงต่อการหยุดการผลิตจากตะวันออกกลางก็ลดระดับลงไป ซึ่งก่อให้เกิดการลดลงของ สัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าจากระดับสูงที่ 3 ปีกว่าในภูมิภาคลงไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับ การเริ่มต้นการคว่ำบาตรทางเสรษฐกิจต่ออิหร่าน, ความไม่เสถียรภพาทางการเมืองในเวเนซูเอล่า , ความพร้อมของทางโอเปก ในการขยายระยะเวลาออกไปเพิ่มเติมในปี 2018 และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาในระดับโลก ก็ได้ส่งผลอย่างมากต่อน้ำมัน นอกจากนั้นแล้ว ใครจะมารับประกันว่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะไม่ปฏิเสธโอกาสนี้ไปได้?
ตามทฤษฏีแล้วพบว่า การลดระดับของความเสี่ยงทางการเมืองจะช่วยเปิดช่องทางในการปรับฐาน โดย"แนวโน้มขาลง" กำลังรอการเคลื่อนตัวอยู่ ตามการเติบโตของผลผลิตในอเมริกา ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2016 จนถึง 10.53ล้านบาร์เรล แล้วยังมีการเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันถึง 73 แท่น จากช่วงแรกของปี ส่วนการเคลื่อนที่ของตัวบ่งชี้ก็แสดงให้เห็นว่า บริษัทหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาเองก้มีการเพิ่มผลผลิตขึ้นมา และก็ยังป้องกันความเสี่ยงด้านราคาผ่านทางการขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าออกไป แต่ปัญหาก็คือ การลดระดับลงของปริมาณสินค้าคงเหลือที่มากกว่าอุปสงค์ในประเทศ อ้างอิงจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญจากทาง Bloomberg ที่ได้ระบุไว้ในช่วงวันที่ 13 เดือนเมษายนที่ว่า ปริมาณน้ำมันคงเหลือในสหรัฐอเมริกา อาจจะลดลงไปถึง 600,000 บาร์เรล และเป็นครั้งแรกในรอบสองปี ที่อาจจะลดระดับลงมาน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี
การเคลื่อนไหวของปริมาณคงเหลือในสหรัฐอเมริกา
ดังนั้นแล้ว มาตรการการกระตุ้นทางการค้าระยะกว้าง จะส่งผลต่ออุปสงค์ในประเทศ และช่วยให้รักษาระดับการขาดทุนจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตได้อีกด้วย สำหรับความสนใจที่เพิ่มขึ้นในน้ำมันในต่างประเทศ ก็จะมาพร้อมกับการใช้งานข้อตกลงเวียนนาของทางโอเปก ที่จะเป็นพื้นฐานภายใต้การเคลื่อนที่ในแนวโน้มขาขึ้นของทางเบรนท์ และ WTI นอกจากนั้นแล้ว ปริมาณของการกลั่นน้ำมันในประเทศจีน ของเดือนมีนาคมเองก็อยู่ในระดับใหม่ที่ 12.13 ล้านบาร์เรล ส่วนระดับก่อนหน้านี้ก็ได้อยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน (12.03ล้าน) ส่วนการปรับตัวของตัวบ่งชี้เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบสองเดือนแรก ของปี (11.56ล้าน) และของเดือนมีนาคมปี 2017 (11.19ล้าน) ก็ชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น สำหรับปริมาณในการสกัดน้ำมันในประเทศอยู่ที่ 3.76ล้านบาร์เรล ดังนั้นตัวบ่งชี้จึงได้เข้าใกล้กับระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน มิถุนายน ปี 2011 และการเคลื่อนไหวเองก็แสดงให้เห็นว่า ประเทศจีนเริ่มต้นซื้อน้ำมันจากต่างประเทศ
สถานการณ์อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป จากการเกิดสงครามทางการค้าในระยะกว้างระหว่างสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน นี้เป็นคำบอกเล่าของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ที่ได้ระบุเอาไว้ในรายงาน แม้ว่ามันยังไม่ได้กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ ต่อการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในระดับโลกของปี 2018 ใน 1.5ล้านบาร์เรล ซึ่งมันได้แสดงให้ทราบว่าทางสถาบัน IEA เองยังไม่เชื่อในการใช้กองกำลังทหาร ส่วนความเห็นของพวกเรานั้นกลับมองว่า หากเศรษฐกิจในระดับโลกได้ปรับตัวขึ้นมาจากการที่ สหรัฐอเมริกาเริ่มต้นรักษาระดับการเติบโตในปี 2017 ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในน้ำมันก็จะช่วยให้ "แนวโน้มขาขึ้น" ของทางเบรนท์ ปรับตัวขึ้นได้
ทางเทคนิคแล้วจะพบได้ว่า การอัปเดทข้อมูลในเดือนเมษายนในระดับสูงสุดจะยิ่งเพิ่ม ความเสี่ยงของการใช้งานเป้าหมายที่ระบุไว้ใน 161.8% และ 200% ในกราฟรูปแบบ AB = CD โดยพวกมันจะอยู่ใกล้กับตำแหน่งของ 75-76.5 เหรียญต่อบาร์เรล
ชาร์ตรายวันของทางเบรนท์